วันนี้ (29 ตุลาคม 2565) เวลา 11.00 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ได้มอบหมายให้ พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และ รอง ผอ.ศรชล. เดินทางมาเป็นประธานต้อนรับเรือสเปคตรัม ออฟ เดอะ ซีส์ (Spectrum of the seas) ที่เป็นเรือสำราญสัญชาติสหรัฐอเมริกาขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่เข้ามาเทียบท่ายังจุดจอดเรืออ่าวป่าตองภูเก็ตเป็นครั้งที่ 2 โดยมีนักท่องเที่ยวลงจากเรือ 3,732 คน แบ่งเป็น กรุ๊ปทัวร์ 750 คนส่วนตัว 2,982 คน เหลืออยู่บนเรือ อีกประมาณ 760 คนคาดมีเงินสะพัดกว่า 22 ล้านบาท โดยมีนายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ผู้แทนส่วนราชการ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตและเขตจังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน และผู้แทนหน่วยงานในสังกัด ศรชล.ทั้ง 7 หน่วยงาน คือ กองทัพเรือ กรมเจ้าท่า กรมประมง กรมศุลกากร กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กองบังคับการตำรวจน้ำ และกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ร่วมให้การต้อนรับ ที่บริเวณอ่าวป่าตอง จังหวัดภูเก็ต โดยพลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้กล่าวต้อนรับ กัปตัน Wu Hui Min และMs. Angie Stephen Vice President of Royal Caribbean International ความสำคัญตอนหนึ่งว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งในโอกาสที่ได้มาต้อนรับทุกท่านและนักท่องเที่ยวอย่างใจจริง เป็นที่ทราบด้วยทั่วกันว่า จังหวัดภูเก็ต เป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลก และเป็นจุดหมายหลักของนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการท่องเที่ยวด้วยเรือสำราญ เมื่อจังหวัดภูเก็ตได้รับการบรรจุไว้ในเส้นทางเดินเรือสำราญ แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยได้รับการยอมรับและมีความพร้อมในต้อนรับนักท่องเที่ยวคุณภาพจำนวนมาก (Mass Quality Tourism) ให้กลับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง ปัจจุบันการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานท่าเรือสำราญ ทั้งการพัฒนาท่าเรือแบบแวะพัก (Port of Call) และการพัฒนาท่าเรือต้นทาง (Home Port) ได้ถูกบรรจุไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งนับเป็นการเพิ่มศักยภาพของไทยในการเชื่อมโยงเส้นทางเดินเรือสำราญเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสความหลากหลาย ของบรรยากาศและท้องทะเลอันงดงามของไทย ทั้งฝั่งทะเลอ่าวไทย และฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งเป็นประสบการณ์ การท่องเที่ยวในอีกรูปแบบหนึ่ง และเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเรือสำราญทั่วโลก การได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือกับสายเรือสำราญระดับโลกอย่าง Royal Caribbean International จึงนับเป็นสิ่งสำคัญที่จะเสริมสร้างศักยภาพของการท่องเที่ยวเรือสำราญในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีอัตลักษณ์เฉพาะตัวให้มีความโดดเด่น และก้าวสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวเรือสำราญที่สำคัญระดับโลก ในฐานะที่ ศรชล. ปฏิบัติภารกิจตามที่ได้บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล พ.ศ.2562 มาอย่างเข้มแข็ง ตระหนักดีว่าภารกิจพิทักษ์รักษาความมั่นคงทางทะเลนั้น จำเป็นต้องพึ่งพิงความมั่นคงทางเศรษฐกิจสังคมควบคู่ไปด้วย ดังนั้น ศรชล. จึงระดมสรรพกำลังอย่างเต็มที่ในการสนับสนุนการเสริมสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการใช้ประโยชน์ทรัพยากรทางทะเล ด้วยการเปิดประตูทางทะเล ปลุกกระแสท่องเที่ยวทะเลไทยต้อนรับเรือสำราญจากนานาชาติที่จะนำพานักท่องเที่ยวเข้ามากระตุ้นการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ประมาณการว่าตลอดปี 2565 จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยราว 10 ล้านคน ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้ จังหวัดภูเก็ต จะรับเรือสำราญ 3 ลำต่อสัปดาห์ คาดว่าจะเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากการท่องเที่ยว เฉลี่ยลำละ 20 ล้านบาท นอกจากนี้แนวโน้มจำนวนเรือสำราญที่จะเข้าประเทศไทยทั้งสองฝั่งทะเลจะเพิ่มมากขึ้นในปี 2566 อีกด้วย ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงการอำนวยความสะดวกต่างๆ ตามที่รัฐบาลได้ยกเลิกการตรวจสุขภาพก่อนเดินทางเข้าสู่ประเทศไทย ทำให้อัตราเข้าพักโรงแรมต่างๆ เริ่มฟื้นตัวตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จึงขอความร่วมมือร่วมใจจากทุกฝ่ายร่วมกันทำงานเพื่อสนับสนุนและอำนวยความสะดวกในการท่องเที่ยวทางทะเลของประเทศไทยอย่างเต็มกำลังความสามารถ |