| กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติประชุมทางไกลบูรณาการเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปี 2562 | ||
 |
||
| วันนี้ (18มี.ค.62) ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 5 อาคาร 3 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพฯ คณะองคมนตรี ประกอบด้วย นายพลากร สุวรรณรัฐ พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข พลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา นายจรัลธาดา กรรณสูต พลเรือเอก พงษ์เทพ หนูเทพ นายอำพน กิตติอำพน พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท และพลอากาศเอก จอม รุ่งสว่าง พร้อมด้วยพลเรือเอก ปวิตร รุจิเทศ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการใหญ่โครงการจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริ เข้าร่วมรับฟังติดตามสถานการณ์และให้ข้อแนะนำในการเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปี 2562 โดยมี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เป็นประธานการประชุม โดยมี นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรองผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผู้อำนวยการกลาง ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย คณะกรรมการกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมการประชุม โดยเป็นการประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดผ่านระบบ Video Conference นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี กล่าวว่า ในวันนี้ คณะองคมนตรีมีความตั้งใจมาติดตามรับฟังสถานการณ์ด้านการพยากรณ์อากาศ การเตรียมการเพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลาง รวมทั้งแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า รัฐบาลโดยกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ได้น้อมนำพระราชกระแสรับสั่งของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาใช้ในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ภัยแล้ง คือ 1) การบูรณาการแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชน ทั้งการใช้ชีวิตและการประกอบอาชีพ อย่างเร็วที่สุด 2) การวางแผนการทำงานจัดการภัยและกำหนดแผนเผชิญเหตุให้ครอบคลุมในทุกด้านและเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันและพื้นที่จริง และ 3) การน้อมนำแนวทางตามพระราชดำริในด้านการบริหารจัดการน้ำของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มาใช้ตามความเหมาะสมของพื้นที่ จากนั้น ที่ประชุมได้นำเสนอแนวทางการบูรณาการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งของหน่วยงานตามแนวทางการปฏิบัติการภายใต้กฎหมายและแผนว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จำนวน 3 กลุ่ม ได้แก่ 1. กลุ่มพยากรณ์ ประกอบด้วย กรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร และสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ 2. กลุ่มบริหารจัดการน้ำ ประกอบด้วย สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ และกรมทรัพยากรน้ำบาดาล 3. กลุ่มปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ แบ่งเป็น 1) หน่วยงานแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ ทั้งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและน้ำเพื่อการเกษตร ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น การประปานครหลวง และการประปาส่วนภูมิภาค 2) หน่วยงานสนับสนุนการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ กระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพ กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกลุ่มสนับสนุนหน่วยทหาร หน่วยงานที่มีศักยภาพ ในการนำรถไปรับน้ำเพื่อช่วยในการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน รวมทั้งการวางระบบการสื่อสารที่ประชาชนสามารถแจ้งขอรับความช่วยเหลือได้ตลอด 24 ชั่วโมง นายชยพล ธิติศักดิ์ ผู้อำนวยการกลาง กล่าวว่า ปัจจุบันมีจังหวัดที่ประกาศเขตให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรณีภัยแล้งแล้ว จำนวน 2 จังหวัด คือ จังหวัดร้อยเอ็ดและจังหวัดศรีสะเกษ รวมจำนวน 6 อำเภอ 8 ตำบล 57 หมู่บ้าน โดย บกปภ.ช. ได้ติดตามการดำเนินการตามข้อสั่งการอย่างใกล้ชิด ซึ่งมีผลการดำเนินการในเรื่องของการเตรียมการในจังหวัด ดังนี้ 1. จังหวัดมีการจัดทำแผนเผชิญเหตุภัยแล้งครบแล้วทุกจังหวัดและได้ประเมินความเสี่ยงต่อสถานการณ์ภัยแล้งแล้ว 2. จัดตั้งศูนย์บัญชาการและใช้โครงสร้างระบบบัญชาการเหตุการณ์และกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพและบูรณาการการในการป้องกันและแก้ไขปัญหา 3. การจัดตั้งคณะทำงานติดตามสถานการณ์และประสานการทำงานร่วมกับหน่วยงานทางวิชาการ หน่วยงานบริหารจัดการน้ำ และสถาบันการศึกษาในพื้นที่และ 4. การบูรณาการเครื่องมือ เครื่องจักรกลของหน่วยงานทุกภาคส่วนในพื้นที่และจัดส่งเครื่องจักรกลต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งไปยังพื้นที่ พร้อมสนับสนุนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยตามแผนเผชิญเหตุตามที่ได้มีข้อสั่งการไปแล้ว สำหรับน้ำเพื่อการเกษตร ได้มีการกำหนดแผนการเพาะปลูก รณรงค์ให้งดการทำนาปรัง รณรงค์การปลูกพืชใช้น้ำน้อยตามแนวทางของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยในกรณีพืชสวนที่เป็นไม้ยืนต้น จะมีการวางแผนร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการส่งน้ำไปหล่อเลี้ยงไม่ให้เกิดกรณีพืชสวนที่เป็นไม้ยืนต้น ซึ่งใช้ระยะเวลาในการปลูกนาน ยืนต้นตายโดยเด็ดขาด และในส่วนของการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ ได้ประสานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับฝ่ายปกครอง ในการระวังโจรที่มักก่อเหตุลักขโมยเครื่องมือประกอบอาชีพทางการเกษตร เครื่องสูบน้ำ ในช่วงฤดูแล้ง ซึ่งเป็นการซ้ำเติมประชาชนเป็นอย่างมาก พร้อมทั้งได้ประสานกับกระทรวงสาธารณสุข ในการเฝ้าระวัง ติดตามกรณีโรคระบาดที่มักเกิดขึ้นในหน้าแล้ง ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้เน้นย้ำให้ทุกจังหวัด ตรวจสอบพื้นที่เสี่ยงภัย และเตรียมการในพื้นที่ โดยเน้นย้ำการดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุ และในส่วนของการจัดตั้งศูนย์น้ำประจำจังหวัด การจัดทำทะเบียนเครื่องมือทั้งของส่วนราชการ และภาคเอกชนสำหรับช่วยเหลือประชาชนกรณีเกิดเหตุ โดยให้ความสำคัญกับการสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน เพราะการแก้ไขปัญหาจะสำเร็จได้ ต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชน ทั้งการตรวจสอบภาชนะเก็บกักน้ำ การรณรงค์ใช้น้ำอย่างประหยัด การปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย เพื่อให้เกิดเป็นความร่วมมือในรูปแบบประชารัฐที่ยั่งยืนต่อไป |
||
| ข้อมูลจาก :: สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต [2562-03-18] | ||
| ข่าวอื่นๆ | ||
| >> ข่าวทั้งหมด | ||