วันนี้ (5 กรกฎาคม 62) ที่ห้องประชุมคอซิมบี้ ศาลากลาง จังหวัดภูเก็ต พลเรือโทไกรศรี เกษร รองเลขาธิการ ศรชล. ในฐานะประธานคณะทำงานด้านกฎหมาย ศรชล. เป็นประธานในการแถลงความคืบหน้ากรรณีการดำเนินการสิ่งก่อสร้างในทะเล (Seasteading) พร้อมด้วย นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พลเรือตรี วิธนรัชต คชเสนี รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 นาย วันฉัตร ชุณหถนอม อัยการจังหวัดภูเก็ต และพันตำรวจเอก นิกร สมสุข ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรวิชิต ในฐานะพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบในคดีฯ ในการดำเนินคดีที่ผ่านมาทางศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน,ของชาติทางทะเลภาค 3 (ศรชล.ภาค 3) ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษ นายเชด แอนดริว เอลวอทอวสกี้ (CHAD ANDREW ELWARTOWSKY) สัญชาติอเมริกัน และนางสุปราณี เทพเดช หรือนาเดีย ภรรยาชาวไทยต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรวิชิต ในความผิดฐานละเมิดสิทธิอธิปไตยของไทย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 119 และละเมิดสิทธิอธิปไตยของประเทศไทยที่มีเหนือเขตต่อเนื่องตามข้อ 56B และข้อ 60 วรรค 7 และวรรค 8 ของอนุสัญญากฎหมายทะเล (UNCLOS) ค.ศ.1982 อันเป็นการทำให้ประเทศไทยสูญเสียเอกราชที่มีในเขตต่อเนื่อง และได้ดำเนินการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวของนาย เชด แอนดริว เอลวอทอวสกี้ พร้อมทั้งได้เก็บรักษาสิ่งก้อสร้างในทะเลไว้เป็นของกลาง ในการดำเนินคดี ณ.สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ตเนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119 ซึ่งเกิดขึ้นในเขตต่อเนื่องของประเทศไทย จึงถือเป็นคดีนอกราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 20 จำเป็นต้องมีคำสั่งสำนักงานอัยการสูงสุดแต่งตั้งให้ นาย วันฉัตร ชุณหถนอม อัยการจังหวัดภูเก็ต โดยร่วมกับ พันตำรวจเอก นิกร สมสุข ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรวิชิต เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบในกรณีความผิดซึ่งมีโทษตามกฎหมายไทย ที่ผ่านมา ศรชล. ได้ดำเนินการให้มีการให้ปากคำ ของพยานผู้กล่าวหาเรียบร้อยแล้ว และพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการออกหมายเรียกผู้ต้องหาแล้วจำนวน 2 ครั้ง โดยครั้งที่ 2 จะมีกำหนดให้ผู้ถูกกล่าวหารายงานตัวภายในวันที่ 15 กรกฎคมนี้ หากไม่มาตามกำหนดพนักงานสอบสวนจะดำเนินการทำคำร้องต่อศาลเพื่อขอออกหมายจับต่อไป
คดีดังกล่าวเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับเอกราชและความมั่นคงทางทะเลในพื้นที่นอกราชอาณาจักร อีกทั้งประกอบกับความผิดดังกล่าวเป็นความผิดที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายหลายฉบับ ผู้ถูกกล่าวหาได้อ้างว่าพื้นที่เกิดเหตุเป็นน่านน้ำสากล (International Water)
อย่างไรก็ตามในอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล 1982 ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคีอยู่นั้น ไม่มีคำว่า น่านน้ำสากล หรือ International Water ปรากฏอยู่ อีกทั้งพื้นที่เกิดเหตุดังกล่าวตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล 1982 ได้บัญญัติให้ ประเทศไทยในฐานะรัฐชายฝั่งมีสิทธิอธิปไตยเหนือการก่อสร้างสิ่งก่อสร้างในทะเลแต่เพียงผู้เดียว การที่ นายเชด แอนดริว เอลวอทอวสกี้ สัญชาติอเมริกัน และนางสุปราณี เทพเดช ประกาศความสำเร็จในการติดตั้งสิ่งก่อสร้างในทะเลพร้อมประกาศขายสิ่งก่อสร้างใน ลักษณะเดียวกันอีก 20 หน่วยเพื่อจัดตั้งเขตปกครองตนเอง ในพิกัด ละติจูด 7 องศา 29.37 ลิปดาเหนือ ลองจิจูด 98 องศา 34.81 ลิปดาตะวันออก หรือบริเวณทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะราชาใหญ่ ระยะห่างประมาณ 14 ไมล์ทะเล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเขตต่อเนื่องอันเป็นสิทธิอธิปไตยแต่เพียงผู้เดียวของประเทศไทย จึงทำให้ประเทศไทยสูญเสียเอกราชเหนือบริเวณพื้นที่ทางทะเลดังกล่าว ตามมาตรา 27 พระราชบัญญัติการรักษาผลประโยชน,ของชาติทางทะเล พ.ศ.2562 กรณีดังกล่าวเป็นการเกินขีดความสามารถของหน่วยงานของรัฐ และมีความจำเป็นที่ ศรชล. ต้องเข้าดำเนินการบูรณาการในการปฏิบัติงาน เพื่อกำกับดูแลอำนวยการ และจัดการแก้ไขปัญหา ในการนี้จึงได้สั่งการให้ ศรชล.ภาค เป็นผู้ใช้อำนาจในการอำนวยการ ร่วมกับ ศรชล.จังหวัด ในการประสานงานดำเนินการแก้ไขปัญหา และเพื่อปกป้องคุ้มครองเอกราชทางทะเลของประเทศไทยไม่ให้ต้องสูญเสียไป
อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบพบว่ามีผู้มีส่วนร่วมในขบวนการเกี่ยวกับการกระทำผิดในครั้งนี้อีกหลายรายทั้งในส่วนบุคคลและนิติบุคคลซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมพยานหลักฐานเตรียมเอาผิดเพิ่มเติม.
|