วันนี้ (24 สิงหาคม 2561) เวลา 09.30 น.ที่ห้องประชุมคอซิมบี้ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุม โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ,ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตัวแทนภาครัฐและเอกชน เข้าร่วม โดยการประชุมได้มีการติดตามความคืบหน้ากรณีการแก้ไขปัญหาน้ำเสียคลองปากบาง โดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต ได้ส่งเจ้าหน้าที่เก็บตัวอย่างน้ำและดินตะกอนบริเวณหาดไตรตรังไปดำเนินการตรวจสอบระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2561 พร้อมทั้งได้มีการตรวจสอบลักษณะของปะการังอ่อนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำเสีย เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ โดยพบว่า คราบตะกอนน้ำเสียที่ปกคลุมแนวปะการังอ่อนชนิด Sinularia sp. การปกคลุมของตะกอนจะไปบดบังแสงทำให้การสังเคราะห์แสงของสาหร่ายที่อาศัยอยู่ร่วมกับปะการังอ่อนทำงานได้น้อยลงอย่างไรก็ตามปะการังอ่อนชนิดนี้สามารถทนต่อน้ำเสียและสามารถฟื้นตัวกลับมาได้ภายในระยะเวลา 2 เดือนที่ติดตามศึกษาไม่พบความผิดปกติทางสัณฐานวิทยา (morphology) ที่สังเกตได้ด้วยตาเปล่า จากการศึกษาเก็บภาพถ่ายภายหลังน้ำเสียรอบแรกไหลลงสู่หาดไตรตรัง (6 กุมภาพันธ์ 2561) พบว่าปะการังอ่อนมีการหดตัว(Shrinking)เปลี่ยนสีจากสีน้ำตาลกลายเป็นสีเขียวเทา,น้ำตาลเทาและพบรอยแผล(necrosis) อย่างไรก็ตามไม่สามารถสรุปได้ว่ารอยแผลดังกล่าวเกิดจากน้ำเสียในครั้งนี้เพราะรอยแผลไม่มากนักซึ่งอาจจะเกิดขึ้นตามธรรมชาติก็ได้ อนึ่งทิศทางของน้ำเสียที่ไหลเข้าหาดไตรตรังไม่ได้พาดผ่านแนวปะการังชนิดนี้โดยตรงเนื่องจากไม่พบคราบน้ำเสียในบริเวณนี้ ต่อมาวันที่ 12 กุมภาพันธ์ได้มีน้ำเสียอีกรอบที่ไหลเข้าสู่หาดไตรตรังโดยครั้งนี้ทิศทางของน้ำเสียไหลพาดผ่านแนวปะการังอ่อนทองหยิบในช่วงนี้คราบตะกอนได้จมตัวลงและทับบนตัวปะการังก่อให้เกิดการฟอกขาว(bleachihg)บนตัวปะการังในตำแหน่งที่ตะกอนทับ นอกจากนี้พบว่าปะการังมีการหดตัว(Shrinking) โดยสรุปไม่พบการตายของปะการังอ่อนทองหยิบอันเนื่องมาจากน้ำเสียทั้ง 2 ครั้งพบเพียงความผิดปกติทางสัณฐานวิทยาสำหรับการศึกษาครั้งนี้เป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่มีการบันทึกรายละเอียดผลกระทบของน้ำเสียต่อประการังชนิดนี้ และ การตรวจสอบเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2561 ยังคงพบตะกอนที่เคลือบคลุมปะการังอ่อนชนิดนี้มีแต่ไม่พบการตายหรือการติดเชื้อที่ลำตัว,วันที่ 20 เมษายน 2561 สถานการณ์กลับมาเป็นปกติไม่พบอาการผิดปกติใดๆกับตัวประการัง
โอกาสนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตกล่าวว่าปัญหาน้ำเสียเป็นปัญหาที่อยู่ในสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงมากโดยพบว่าปัญหาได้ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปีดังนั้นทุกภาคส่วนจะต้องร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนเพื่อช่วยกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมของจังหวัดภูเก็ตซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวให้ยังคงมีความสวยงามสะอาดอย่างยั่งยืน
โอกาสนี้นายสุรชัย ชัยวัฒน์ ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต ได้เป็นตัวแทนภาคเอกชนกล่าวขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดภูเก็ตที่ช่วยดำเนินการในการขุดลอกคูระบายน้ำซึ่งสามารถบรรเทาปัญหาน้ำท่วมขังได้เป็นอย่างดีและอยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เพิ่มแผนงาน/โครงการและงบประมาณเพื่อขุดลอกคูคลองลำรางระบายน้ำให้ครบถ้วนทั้งจังหวัดจึงจะสามารถแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืนและครอบคลุมทุกพื้นที่
สำหรับแนวทางการแก้ปัญหาน้ำท่วม ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า นอกจากจะทำการขุดลอกลำรางระบายน้ำแล้วสิ่งที่จะต้องให้ความสำคัญคือการการกำจัดขยะ ที่จะไปอุดตันท่อและลำรางระบายน้ำต่างๆโดยเมื่อเกิดฝนตกหนักองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะต้องส่งเจ้าหน้าที่ไปประจำจุดเสี่ยงต่างๆเพื่อช่วยกันเก็บขยะที่จะไหลไปอุดตันในท่อและลำรางระบายน้ำโดยเร็วที่สุด ซึ่งจะสามารถช่วยระบายน้ำได้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามในส่วนของจังหวัดภูเก็ตก็จะพยายามผลักดันโครงการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำทั้งระบบทั้งปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งและน้ำเสีย
จากนั้นที่ประชุมได้มีการหารือร่วมกับหอการค้าจังหวัดภูเก็ต ในเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวโดยขอให้จังหวัดจัดตั้งเป็นกฎหมายท้องถิ่นให้มีการสัมปทานในเรื่อง Wrist band ที่ใช้ติดตามตัวนักท่องเที่ยวซึ่งจำเป็นมากในการเดินทางท่องเที่ยวทางทะเลในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตและกลุ่มจังหวัดอันดามัน ในเรื่องนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตกล่าวว่าจะประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้งเพื่อวางแผนผลักดันการจัดทำ Wrist band ให้สามารถนำไปใช้ในกลุ่มนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มต่อไป
.สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต/ข่าว สำนักงานจังหวัดภูเก็ต/ภาพ
|