พระมหากรุณาธิคุณในการปูนบำเหน็จแก่บุคคลที่ปฏิบัติงานเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง
        ครั้งเกิดศึกพม่าใน พ.ศ. ๒๓๒๘ ท่านผู้หญิงจัน และคุณมุกได้ร่วมกันต่อสู้จนพม่าเลิกทัพกลับไป พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงทราบฝ่าละออง จึงทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ท่านผู้หญิงจันเป็นท้าวเทพกระษัตรี คุณมุกเป็นท้าวศรีสุนทร

        นอกจากนี้ได้มีพระมหากรุณาธิคุณของรัชกาลต่างๆ ต่อบุคคลที่ประกอบคุณงามความดีต่อการเมืองการปกครองในจังหวัดภูเก็ตเสมอมา ทั้งบุคคลที่เป็นข้าราชบริพาร ดังเช่น มหาอำมาตย์โทพระยารัษฏานุประดิษฐ์มหิศรภักดี ทั้งนี้รวมทั้งคหบดี ที่ทำคุณประโยชน์ ให้แก่จังหวัดภูเก็ต ในตระกูลต่างๆ และราษฏรอีกมากมาย รวมทั้งบรรพชิตส่งผลให้เกิดขวัญกำลังใจแก่บุคคล ในการปฏิบัติงานต่อความผาสุกของราษฏรในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตมากขึ้น ดังเช่น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชทานสมณศักดิ์ให้พ่อท่านแช่ม ซึ่งได้ต่อสู้ร่วมกับชาวบ้านในการต่อสู้กับอั้งยี่จนชนะ ให้เป็นพระครูวิสุทธิพงศาจารย์ญาณมุณี มีตำแหน่งเป็นสังฆปาโมกข์เมืองภูเก็ต อันเป็นตำแหน่งสูงสุดที่บรรพชิตจักพึงมีในสมัยนั้น และตัวอย่างของบุคคลที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตต์ พระบรมราชินีนาถฯ ในคราวเสด็จพระราชดำเนินประพาสภูเก็ตคหบดี และประชาชนต่างได้ช่วยเหลือราชการเป็นกรรมการรับเสด็จ และจัดหาสิ่งของในการรับเสด็จขุนเลิศโภคารักษ์ได้พยายามปฏิบัติหน้าที่ในการรับเสด็จด้วยความตั้งใจอย่างดีที่สุด จนความทราบถึงฝ่าละอองธุลีพระบาท โปรดเกล้าฯให้เข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ และเมื่อวันเสด็จพระราชดำเนินกลับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ โปรดเกล้าพระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ชั้นที่ ๔ ให้เป็นบำเหน็จ จากความเลื่อมใสในพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ และพระสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตต์ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ ได้เกื้อหนุนให้ขุนเลิศโภคารักษ์ประกอบคุณงามความดี สนองพระมหากรุณาธิคุณอยู่ไม่ขาดสาย อาทิเช่น สละทรัพย์บำรุงการศึกษา บำรุงศาสนาบำรุงโรงพยาบาล บำรุงมูลนิธินวฤกษ์ และสงเคราะห์ผู้ประสบสาธารณภัยทุกโอกาสที่พึงปฏิบัติ จนมีชื่อเสียงว่า เป็นเศรษฐีใจบุญ ขุนเลิศโภคารักษ์ ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์หลายชั้นและหลายประเภท และถือว่าตนเองเป็นคนของพระราชา และในปี พ.ศ. ๒๕๑๔ ขุนเลิศโภคารักษ์ ได้ทูลเกล้าฯ ถวายที่ดินจำนวน ๒๗๓ไร่ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานแก่วิทยาลัยครูภูเก็ต เนื่องในวโรกาสมหามงคลพระราชพิธีรัชดาภิเษก นับเป็นเพราะพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่สร้างความศรัทธา และความจงรักภักดี ให้เกิดกับบุคคลจนสนองพระมหากรุณาธิคุณ บังเกิดผลดีต่อการพัฒนาการปกครองการศึกษา ทางด้านสาธารณสุข ด้านสังคมและด้านอื่นๆในจังหวัดภูเก็ตมาตลอด